วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

MC Mong คุณหมอคนใหม่แห่งวงการบันเทิงเกาหลี



กลายเป็นคุณหมอคนใหม่แห่งวงการบันเทิงไปซะแล้ว
เมื่อ MC Mong แร็ปเปอร์และนักแสดงหนุ่มมาดกวน






สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการแพทย์เป็นที่เรียบร้อย
และได้เกรด A มาเชยชมถึง 3 ตัว ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาของ MC Mong
เปิดเผยว่า MC Mong เป็นคนที่ตั้งใจเรียนมากๆ



อีกทั้งเป็นคนที่มีประสบการณ์มากพอในด้านของกระบวนการต่างๆ
ที่จะทำให้กลายเป็นคุณหมอได้ เราถึงให้เกรด A แก่ MC Mong




ส่วน MC Mong ได้เปิดเผยความรู้สึกว่า
ผมเคยคิดที่จะหยุดงานทุกอย่างเพื่อทุ่มให้กับการเรียน
แต่เมื่อผมเรียนจบแล้ว ผมรู้สึกดีมากๆ เลยล่ะครับ
แค่เสียใจนิดหน่อยที่ต้องได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนร่วมชั้น
เพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้นเอง




ข้อมูลจาก : koreasarang.com



2PM - 02 Again & Again - 2PM

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คิมฮยอนจุง เตรียมเสียบแทนนักร้องหนุ่มแดฮซอง



Kim Hyun Joong จะเป็นแขกรับเชิญในรายการ Family Outing คนถัดไป



หลังจาก Daesung ประสบอุบัติเหตุ
หลังเดินทางกลับจากถ่ายทำรายการ Family Outing ในครั้งก่อน
ตอนนี้ทางรายการได้เปิดเผยว่า Kim Hyun Joong วง SS501
จะมาเป็นพิธีกรแทน Daesung ชั่วคราว







Kim Hyun Joong จะมาร่วมถ่ายทำรายการเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน
ในวันที่ 24 -25 สิงหาคมนี้ ที่หมู่บ้านในคังวอนโด
และจะออกอากาศในวันที่ 20 และ 27 กันยายน 2552 นี้
โดยก่อนหน้านี้ Kim Hyun Joong มีชื่อเสียงมากมาย





จากบทบาทของ Yoon Ji Hoo ในละครเรื่อง Boys Over Flowers เมื่อช่วงต้นปี
และการมาร่วมรายการในครั้งนี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจ
จากสองพี่สาวในรายการ Lee Hyo Ri และ Park Si Yeon เช่นกัน



ที่มา : Allkpop


Lonely Girl - SS501 (Ost.Bad Girls Diary Returns)

นางเอกแดจังกึมสละโสดแล้วจ้า


นักแสดงสาว Lee Young Ae วัย 38
ผู้รับบทนำในละครดังเรื่อง Dae Jang Geum
เมื่อปี 2003 จัดงานแต่งงานขึ้นเงียบๆแล้ว






โดยเธอและว่าที่เจ้าบ่าว Mr. Jung วัย 55 ปี
ได้เข้าพิธีสมรสไปเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา



โดยเป็นการจัดงานอย่างเรียบๆในประเทศสหรัฐอเมริกา
และมีเพียงญาติของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมพิธีเท่านั้น
ซึ่งสาเหตุที่จัดงานในอเมริกา เนื่องจากฝ่ายเจ้าบ่าว
Mr. Jung นั้นมีเชื้อสายเกาหลี-อเมริกัน




ทั้งคู่รู้จักกันผ่านการแนะนำของเพื่อน และคบหากันมาแล้วกว่า 10 ปี
ฝ่ายชายจบการศึกษาด้านเทคโนโลยี จาก Illinois Institute of Technology
และปัจจุบันทำงานเกี่ยวกับด้าน IT อยู่ที่ประเทศอเมริกา
โดยตัวแทนของ Lee Young Ae กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
ที่พวกเขาไม่มีรูปงานแต่งหรือรูปคู่มาแสดง
แต่เพื่อเคารพความเป็นส่วนตัวของฝ่ายชาย จึงต้องเก็บเอาไว้




Lee Young Ae โด่งดังจากละครเรื่อง Dae Jang Geum เมื่อปี 2003
และถือเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ทำให้เกิดกระแส Korean Wave ไปยังประเทศต่างๆ
หลังแต่งงานเธอจะใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา แต่ยังคงไม่ทิ้งงานแสดง




ข้อมูล : Allkpop


Come Back To Me - Utada # This Is The One

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผู้ว่าการท่องเที่ยวต่างชาติคนแรกของเกาหลี

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา มิสเตอร์ ลี ชาม (ชื่อภาษาเกาหลี)
ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ว่าองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีคนใหม่
มิสเตอร์ ลี ชาม เป็นชาวเยอรมันโดยกำเนิด
และได้แปลงสัญชาติเป็นคนเกาหลีตั้งแต่ ปี 1986
การคัดเลือกผู้ว่าการท่องเที่ยวคนใหม่นี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลเกาหลี
ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเล็งเห็นถึงความรู้ และ ความสามารถ ทั้งทางด้านวัฒนธรรมตะวันตก
และ เอเชีย ตะวันออก ของมิสเตอร์ลี ชาม



การได้รับตำแหน่งสำคัญ ของมิสเตอร์ลี นั้น
ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เกาหลี
ที่คนต่างชาติ ที่ได้แปลงสัญชาติเป็นคนเกาหลี ได้รับตำแหน่งสำคัญของภาครัฐ
ซึ่งรัฐบาลเกาหลี ต้องการแสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้าง
สำหรับชาวต่างชาติ และ คาดหวังถึงกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่างชาติ
ถึงวิสัยทัศน์ในการเปิดกว้าง ของรัฐบาลเกาหลี
ภายใต้การนำของ มิสเตอร์ ลี เมียง บัค



ขอบคุณข้อมูลจาก : องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว ประเทศเกาหลี














มารู้จักอาหารเกาหลีกันเถอะ

วันนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหารเกาหลีครั้งสุดท้าย (ของเดือนนี้ .. อิอิ)
มาทำความรู้จักกับอาการเกาหลีประเภทต่างๆค่ะ
ว่าแต่ละอย่าง เรียกว่าอะไร .. หน้าตาเป็นยังไง
เผื่อไปเกาหลี .. จะได้พอสั่งอาหารกินได้บ้าง ..นะคะ

บับ (Bap-ข้าวนึ่ง) และ จุค (Juk-ข้าวต้ม)




ข้าวเป็นอาหารหลักของครัวเกาหลี ส่วนใหญ่ใช้ข้าวที่ค่อนข้างเหนียว
หุงผสมกับธัญพืชชนิดต่าง ๆ เช่น ถั่ว ถั่วแดง เกาลัด
เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
และนอกจากนี้ยังมีข้าวต้มที่ผสมฟักทอง หอยเป๋าฮื้อ
โสม ลูกสน ผัก เนื้อไก่ เห็ด และถั่วงอกอีกด้วย


กุก (Guk-ซุป)



กุกหรือซุปเป็นอาหารที่เสิร์ฟคู่กับข้าว
เครื่องปรุงของซุปมีทั้งผัก เนื้อสัตว์ ปลา
หอยเชลล์ สาหร่ายทะเล ฯลฯ


จิเก (Jigae-สตู)




จิเกมีลักษณะคล้ายกับกุกแต่ข้นกว่า
จิเกที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ จิเกเต้าเจี้ยว
จิเกจะมีรสชาติเผ็ดร้อน บางชนิดเสิร์ฟในชามหินร้อน


นามุล (Namul-พืชและผักใบเขียว)



นามุลทำจากผักต้ม ใส่น้ำเพียงเล็กน้อย
หรือทอดผสมกับเกลือ ซอสถั่วเหลือง งาเค็ม
น้ำมันงากระเทียว หัวหอม และปรุงรสด้วยเครื่องเทศ


คูอี (Gui-อาหารประเภทปิ้งย่าง)



คูอี คือการนำเนื้อต่าง ๆ มาหมักแล้วนำไปย่างบนเตาถ่าน
คูอี ที่นิยมคือ พุลโกกิ (bulgogi) และคาลบิ (galbi)
นอกจากนี้ยังมีคูอีที่ทำจากปลาด้วย
พุลโกกิ เป็นหนึ่งในอาหารที่มีชื่อเสียงของเกาหลี
พุลโกกิ คือ เนื้อหมักนุ่ม ๆ ในซอสถั่วเหลือง น้ำมันงา กระเทียม
และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ หั่นบาง ๆ
ส่วนคาลบิ จะเป็นซี่โครงติดเนื้อหรือกระดูกอ่อนชิ้นเล็กๆ
ทั้งพุลโกกิและคาลบิจะย่างบนเตาและเป็นที่นิยมทั้งคู่



ซอน (Jeon-จานกระทะร้อน)



ซอนเป็นอาหารชนิดหนึ่งคล้ายแพนเค้กที่ทำจากเห็ด ฟักทอง
ปลาแห้งแผ่น หอยนางรม พริกเขียว เนื้อสัตว์ หรือเครื่องปรุงอื่นๆ
ผสมกับเกลือและพริกไทยดำ ก่อนนำไปชุปแป้งและไข่ทอด


มันดู (Mandu-อาหารประเภทยัดไส้)



มันดูทำด้วยแป้งแผ่นยัดไส้เนื้อ เห็ด แตงทอด ถั่วงอก
บางครั้งใช้เนื้อหมู เนื้อไก่ หรือปลาแทนเนื้อ มีลักษณะคล้ายติ่มซำ



พิบิมพัพ (Pibimbap)




พิบิมพัพ เป็นข้าวผัดที่มีส่วนประกอบ คือ ข้าวสวยผสมกับเนื้อหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
ใบเฟิร์นเบรก รากดอกบอลลูน ถั่วงอก พริกแดงบด และน้ำมันงากับผัก
ปรุงรสกับไข่ คลุกับโคชูจัง (ซอสพริกรสเผ็ด) คล้ายข้าวยำของไทย



ซอลลองทัง (Sonlongtung)



บะหมี่เนื้อปรุงรสด้วยงา เกลือ พริกไทย กระเทียมสับ พริกป่น หอมและน้ำมันงา
เสิร์ฟพร้อมข้าว เครื่องเคียง และ “กั้กทุก” กิมจิพิเศษที่ทำจากหัวไชเท้า



ซัมเกทัง (Samkaetung)



ซุปไก่ยัดไส้โสม จะใช้ไก่อายุ 45 วันยัดข้าวตุ๋นกับโสม เกาลัด พุทราแห้ง กระเทียม
ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำ เสิร์ฟทั้งตัว รับประทานกับบะหมี่ชนิดเส้นใหญ่
และเหล้าโสม ซุปนี้นิยมรับประทาน เพื่อเรียกกำลังวังชาในช่วงฤดูร้อน



เน็งเมียน (Nengmeon)



เน็งเมียน คือ “บะหมี่เย็น” เป็นอาหารที่นิยมรับประทานมากในช่วงฤดูร้อน
ความเย็นของเน็งเมียนจะทำให้รู้สึกสดชื่น เส้นบะหมี่ทำจากแป้งสาลีที่นุ่ม เหนียว
่เสิร์ฟในน้ำซุป เนื้อรสหวานกลมกล่อมแช่เย็นพร้อมหอมสับ หัวไชเท้า
และแตงกวาซอยเป็นเส้น ๆ เนื้อปรุงรสด้วยน้ำมันงา มัสตาร์ดเผ็ดและน้ำส้มสายชู
เน็งเมียนมีทั้งแบบ มูลเน็งเมียน (รสอ่อน) และพิบิม-เน็งเมียน (รสเผ็ด)



















ขอบคุณข้อมูลจาก : koreanfever.net ค่ะ

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ซุปแกงกิมจิร้อนๆมาแล้วจ้า



มาแระจ้า ... ตามสัญญา หลังจากผลัดมาหลายทีแระ
เมนูนี้มีชื่อว่า ... ซุปแกงกิมจิ ...
เห็นหน้าตาแบบนี้ .. คุ้นๆคล้ายแกงส้มบ้านเราไหมคะ
นอกจากหน้าตาแล้ว .. รสชาติก็คล้ายแกงส้มเหมือนกันนะคะ
รับรองอาหารเมนูนี้ .. รสชาติแซบถูกใจคนไทยแน่นอนค่ะ
ว่าแล้วมาดูวิธีทำกันเลย

สูตรวิธีการทำแกงกิมจินะคะ

1. หั่นหมูสามชั้น (แบบของเกาหลี เรียก “ซัมกยอบซัล”)
ถ้าไม่มีเอาแบบสามชั้นไทยก็ได้ค่ะ
หรือถ้ากลัวอ้วนก็เอาเนื้อๆ ผสมบ้างก็ได้ หั่นให้พอดีคำหน่ะค่ะ

2. หั่นกิมจิให้เป็นชิ้นเล็กหน่อย บีบน้ำออกจากกิมจิบ้าง
เพราะอาจจะเปรี้ยวเกิน แต่ให้เหลือน้ำในตัวกิมจิบ้างนิดๆ
จะได้มีรสเดิมๆ อยู่บ้าง

3. ใส่น้ำตาลทราย ครึ่งช้อนโต๊ะ และ สับขิง 1 หัว
ให้ละเอียด แล้วก็ใส่รวมกันไปด้วย

4. เติมน้ำเปล่าประมาณครึ่งหม้อ หรือให้ปริ่มๆ กิมจิ
(อย่าให้ท่วมกิมจิมากเกินไปนะคะ)ปิดฝา
ตั้งไฟปานกลาง ปล่อยให้มันค่อยๆ เคี่ยว

5. พอเดือดก็เปิดฝาหน่อย ค่อยๆคน
ถ้าน้ำเริ่มแห้ง เติมน้ำได้อีกหน่อย แต่อย่าท่วมมาก
ปิดฝาอีกรอบ ลดให้เหลือไฟอ่อนค่ะ

6. เคี่ยวต่ออีก 5-10 นาที เคี่ยวพอเปื่อย ยกลงเสิร์ฟได้เลยค่ะ

นี่สิ .. ของแท้จากเกาหลี!!!!

รู้หรือไม่ .. ????
กิมจิของแท้จากเกาหลี ต้องมีเครื่องหมายการค้าด้วยนะจ๊ะ




ตัวสัญลักษณ์กิมจิสร้างขึ้นโดย
องค์กรการค้าเกษตรกรรมและการประมงประเทศเกาหลี
(Korea Agro-Fisheries Trade Corporation)
เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2543 เพื่อส่งเสริมกิมจิแท้จากประเทศเกาหลี
และสร้างความแตกต่างระหว่างกิมจิเกาหลีและกิมจิญี่ปุ่น (Kimuchi) ให้ชัดเจนขึ้น
ตัวสัญลักษณ์กิมจินี้พบได้เฉพาะกิมจิแท้ของประเทศเกาหลี
ซึ่งต้องทำและผลิตจากวัตถุดิบในประเทศเกาหลีเท่านั้น










โดยตัวสัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศเกาหลี
และอีกหลายเมืองหลายประเทศทั่วโลกได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน
ฝรั่งเศส สเปน สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เยอรมัน
แคนาดา นิวซีแลนด์ ฮอลแลนด์ เปรู และประเทศไทย



ข้อมูลจาก Thaigoodview.com

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กิมจิ .. ทำง่ายๆ .. รับประกันความอร่อย!!!

มาแล้วค่ะ .. หายไปเกือบอาทิตย์นึง ..
เนื่องจากติดภารกิจ .. ปั่นรายงานส่งอาจารย์ค่ะ
หลังจากรอดชีวิตมาได้ก็รีบมาอัพบล๊อคทันทีเลยค๊า .. ^^
คราวก่อน .. สัญญาไว้ว่าจะเอาอาหารเกาหลีที่มีกิมจิเป็นส่วนประกอบมาฝาก
แต่ยังค่ะ .. ก่อนจะไปดูและวิธีทำหน้าตาอาหารที่ทำจากกิมจิ
เราต้องรู้วิธีทำกิมจิกันก่อน .. ไม่งั้นไม่ครบสูตรค่ะ



วิธีทำกิมจิให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ
ไม่งั้นจะมีคนเคยพูดไว้ว่า .. จะกินกิมจิให้อร่อยต้องไปกินถึงถิ่นกิมจิโน่นละค่ะ
แต่ก็อีกนั้นแระค่ะ .. ไปถึงถิ่นก็ใช่ว่าจะอร่อยไปซะทุกทีนะคะ
เพราะเดี๋ยวนี้ชาวเกาหลี .. ส่วนใหญ่หมักกิมจิทานเองไม่เป็นแล้วละค่ะ
เดาเอาว่า .. คงคล้ายๆกับคนไทยเรา .. ที่บางทีก็เห่อของต่างประเทศ
จนลืมของดีของตัวเอง หรือบางทีคงเห็นเป็นเรื่องใกล้ตัว จนลืมนึกถึง

ที่เกาหลีก็คงจะเป็นแบบเดียวกัน .. เพราะปัจจุบันกิมจิหาซื้อขายง่าย
อีกทั้งวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป .. เลยทำให้คนสมัยใหม่ไม่อยากเสียเวลาทำกิมจิเอง
แต่ยังไง .. ก็ยังมีคนเห็นคุณค่าและพยายามจะสืบทอดวิธีทำกิมจิต่อไป
ก็เลยยังพอหาสูตรทำกิมจิ .. มาแบ่งปันเพื่อนๆได้
ซึ่งก็ต้องขอบคุณเวบ HILunch.com นะคะ .. ที่เอามาแบ่งปันกัน
เอาละ .. พอกันรึยังคะ .. ถ้าพร้อมแล้ว .. ลงมือได้เล้ยยย

ส่วนผสมของกิมจิ
ผักกาดขาว 2 หัว
เกลือป่น
น้ำเปล่า 20 ลิตร
พริกชี้ฟ้าแดง 100 กรัม
ขิงอ่อน 20 กรัม
กระเทียม 10 กรัม
ต้นหอม 100 กรัม
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ล้างผักกาดขาวให้สะอาด ผ่าครึ่ง
2. ผสมน้ำเปล่า เกลือป่น 40 กรัม ให้เป็นน้ำเกลือ ชิมรสให้ออกเค็มเล็กน้อย
3. นำผักกาดขาวที่ผ่าครึ่งไว้มาแช่น้ำเกลือนานประมาณ 6 – 8 ชั่วโมงจนผักสลดจึงนำขึ้น
4. โขลกพริกชี้ฟ้าแดง กระเทียม ขิง ให้ละเอียด ปรุงรสด้วย เกลือป่น น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู
5. หั่นต้นหอมเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว และหั่นผักกาดขาวที่แช่น้ำเกลือไว้เป็นชิ้นพอคำ
6. ผสมต้นหอม ผักกาดขาวและน้ำที่ได้ในข้อที่ 4 หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 3 วัน

หมายเหตุ: หากเป็นสูตรต้นตำรับจะใช้วิธีการหมักที่นานขึ้นประมาณ 3 สัปดาห์
และไม่ต้องใส่น้ำส้มสายชู และสามารถใส่ขิงอ่อนหั่นฝอยได้หากชอบค่ะ

ใครอยากลองทำกิมจิกินเอง .. ก็ลองทำกันดูนะคะ
ลองทำแล้ว .. รสชาติเป็นยังไง .. อย่าลืมส่งข่าวกันบ้างนะคะ

ขอบคุณสูตรกิมจิน่ากิ๊น .. น่ากิน จาก : HiLunch.com ค่ะ

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

I am "KimChi",mascot of korea.

หวัดดีค่ะ .. หายไปสองวัน .. ไม่รู้มีใครคิดถึง (บทความ) เรามั้งรึเปล่า ^^
วันนี้กลับมาแล้วค่ะ .. พร้อมกับอาหารจานเด่นของเกาหลีด้วย
ลองทายกันดูสิคะ .. ว่ามันคืออะไร .. ติ๊กต๊อกๆๆๆๆๆ
มีใครทายว่า "กิมจิ" กันบ้างคะ .. ถ้ามีก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ
แต่ไม่มีรางวัลให้น๊า .. อิอิ

ตอนนี้ เวลานี้ .. ไม่ว่าที่ไหนๆในโลก ก็พากันรู้จัก กิมจิ กันหมด
มีใครยังไม่รู้จักกิมจิกันบ้างเอ่ย .. ถ้ายัง .. แนะนำว่าควรรีบอ่านต่อไปเลยนะคะ
แต่ถ้ารู้จักแล้ว .. ลองมาดูสิว่า .. กิมจิ มันเป็นมา เป็นไปอย่างไร
ทำไม๊ .. ทำไม .. ชาวเกาหลีถึงได้ชอบกินกันนัก ว่าแล้วก็ Let's Go!!




คำว่า "กิมจิ" หรือ Gimchi นั้น มีข้อสันนิษฐานว่า .. น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า ชิมเช (Shimchae)
แต่ด้วยสำเนียง ที่เปลี่ยนไป จึงกลายเป็น: ชิมเช - คิมเช - กิมเช และ กิมจิ ในเวลาต่อมา
กิมจิ เกิดจากภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวเกาหลี ด้วยการหมักพริกสีแดงและผักต่างๆ เข้าด้วยกัน



โดยทั่วไปนิยมใช้ .. ผักกาดขาว เป็นวัตถุดิบ
ชาวเกาหลี นิยมรับประทานกิมจิเป็นเครื่องเคียงแทบทุกมื้อ
นอกจากนี้ .. ยังนำไปประกอบอาหารได้อีกนานาชนิด ..
และแม้ในปัจจุบัน จะมีบริษัทผลิตกิมจิสำเร็จรูป หรือแบบสดขายตามห้างสรรพสินค้าแล้วก็ตาม
แต่ชาวเกาหลี .. ก็ยังนิยมทำกิมจิกินเองที่บ้าน .. ถือเป็นอาหารที่ต้องมีไว้ประจำบ้านเลยทีเดียว



จากเอกสารของพิพิธภัณฑ์กิมจิในเมืองโซล (The Kimchi Field Museum in Seoul)
"กิมจิ" มีมากกว่า 187 ชนิด โดยจะแตกต่างกันตามถิ่นและสภาพอากาศ



ซึ่งส่วนใหญ่จะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นฉุน
ตัวอย่างเช่น กิมจิหัวผักกาด (kkakdugi) เป็นหัวผักกาดล้วนไม่มีผักกาดขาวผสม
กิมจิแตงกวายัดไส้ (oisobaegi) และกิมจิผักกาดขาว .. ซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมมากที่สุดในนานาชาติ
โดยจะผสมผักกาดขาว พริกแดง กระเทียม ขิง และน้ำซุบจากปลากะตัก (jeotgal) เข้าด้วยกัน
ซึ่งผักกาดขาวควรจะเป็นผักกาดขาวจีน (Chinese cabbage) จึงจะได้กิมจิที่มีรสชาติดีและจัด
หากทำจากผักกาดขาวชนิดอื่น จะทำให้กิมจิมีรสชาติที่อ่อนลง










กิมจิ ถูกจัดว่า เป็นหนึ่งในห้าอาหารสุขภาพ โดย Health Magazine



ด้วยเหตุผลที่ว่า .. กิมจิ นั้นอุดมด้วยวิตามิน ช่วยในการย่อยอาหาร
และอาจจะช่วยรักษาโรคมะเร็งได้อีกด้วย สรรพคุณเหล่านี้
ล้วนเกิดจาก กิมจินั้นทำมาจากผักกาดขาว หัวหอม และกระเทียม
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ผักทั้งสามชนิดนี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก
กิมจิ มีโปรไบโอติกส์แลคโตแบซิลลัส ที่ให้กรดแลคติก (Lactic acid)
หลังจากการหมักเหมือนโยเกิร์ตด้วย
อีกทั้ง กิมจิ ยังมีพริกแดงเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นกัน



แต่ในขณะเดียวกัน สรรพคุณที่มีประโยชน์ของกิมจิ อาจจะเป็นโทษได้เช่นกัน
นักวิจัยชาวเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยหลังจากค้นคว้าวิจัย ว่ามีความเสี่ยงถึงร้อยละ 50
ที่อาจจะเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร ถ้าบริโภคกิมจิมากเกินไป
ดั่งอัตราการเป็นมะเร็งในกระเพาะของประชากรเกาหลี และญี่ปุ่น
ซึ่งมีปริมาณมากเป็นสองเท่าของประชากรในประเทศสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม แป้งฝุ่นและสารระคายเคือง ในข้าวขาวในทั้งสองประเทศ
อาจจะเป็นสาเหตุทางอ้อมในการเกิดมะเร็งก็เป็นได้




แต่ในการศึกษาบางชิ้นนั้น กลับอ้างว่า การบริโภคกิมจิ
มีส่วนช่วยลดการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารได้ แต่แม้กระนั้นก็มีการศึกษาบางชิ้นอีกเช่นกัน
อ้างว่า กิมจิ (ที่มีส่วนผสมเป็นหัวผักกาด) จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
และการบริโภคกิมจิเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้รับเกลือหรือน้ำปลาในเป็นปริมาณที่มากเช่นกัน
ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพขึ้นได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง

เป็นไงกันบ้าง .. พอจะรู้จักกิมจิกันมากขึ้นแล้วใช่รึป่าวว
ที่โน่นมีพิพิธภัณฑ์กิมจิด้วย .. บ้านเรา ก็น่าจะมีคนทำพิพิธภัณฑ์น้ำพริกบ้างเนอะ
ท่าทางจะมีเยอะพอๆกับกิมจิเลยนะเนี่ยย .. แถมน่าจะทำเงินจากนักท่องเที่ยวได้ดีเลยทีเดียว
ใครจะเอาไอเดียนี้ไปใช้ .. ก็ยินดีค่ะ ..
พรุ่งนี้พบกับ .. อาหารที่ปรุงจากกิมจิค่ะ .. รับรองว่าคุณต้องน้ำลายสอแน่นอน .. 555




ขอบคุณภาพประกอบจาก www.prkorea.com ค่ะ